‘คิง เพาเวอร์’ ยกระดับผ้ามัดย้อมชุมชนคีรีวง สู่ของที่ระลึกระดับโลก ผ่าน Leaves to Lively Thai Dye Collection ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม #ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย

#ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/463857

‘คิง เพาเวอร์’ ยกระดับผ้ามัดย้อมชุมชนคีรีวง สู่ของที่ระลึกระดับโลก ผ่าน Leaves to Lively Thai Dye Collection ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

วันศุกร์ ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2563, 06.00 น.

คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทยเผยโฉมของที่ระลึกและสินค้า Ready-to-wearรุ่น Limited Edition ของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประจำปี 2563 ภายใต้ชื่อ From Leaves to Lively Thai Dye Collection ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความงดงามของธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ก่อเกิดเป็นสินค้าผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในคอลเลคชั่นพิเศษที่ผลิตโดยชุมชนหมู่บ้านคีรีวง ต.กำโลนอ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ร่วมกับทีมครีเอทีฟของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ และกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว ณ เดอะ ซิตี้ แฟนสโตร์ แอท คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ, คิง เพาเวอร์ สาขารางน้ำ, พัทยา,ศรีวารี, ภูเก็ต, คิง เพาเวอร์ มหานคร และภายในสนามบินดอนเมือง, สนามบินสุวรรณภูมิ, สนามบินภูเก็ต และสนามบินอู่ตะเภา

คอลเลคชั่นพิเศษจากฝีมือคนไทย From Leaves to Lively Thai Dye Collection นี้ เปิดตัวอย่างเป็นทางการและอวดสายชาวโลก พร้อมเสื้อแจ๊กเกตรุ่นพิเศษที่ออกแบบเพื่อให้นักเตะสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ใส่ลงสนามในช่วงพิธีเปิดการแข่งขันในวัน Boxing Day คือ วันที่ 26 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมาในศึกดวลแข้งกับสโมสรลิเวอร์พูล ณ สนามคิงเพาเวอร์ สเตเดี้ยม เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ที่ออกแบบและรังสรรค์ภายใต้แนวคิด EnchantedWonderland หรือ มนต์เสน่ห์แห่งดินแดนมหัศจรรย์ เพื่อเชิดชูภูมิปัญญาและคุณค่าทางวัฒนธรรมของผ้ามัดย้อมธรรมชาติ ที่เลือกใช้วัสดุในการย้อมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของทางภาคใต้จากฝีมือของชุมชนบ้านคีรีวง ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช กลายเป็นคอลเลคชั่นเสื้อผ้า และแอคเซสซอรี่ผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติสไตล์โมเดิร์น สีสันสดใสสามารถมิกซ์แอนด์แมทช์กับการแต่งกายในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว ทั้งเสื้อยืดแขนสั้น-แขนยาว เสื้อเชิ้ตหมวก กระเป๋าสะพายหูรูด กระเป๋าสะพายไหล่ กระเป๋าใส่เอกสาร ลูกบอล และพวงกุญแจ รวม 17 แบบ

อัยยวัฒน์ และ อภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา

นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ เปิดเผยว่ากลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้ใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ และร่วมรณรงค์ให้ช่วยกันลด ละ การทำลายธรรมชาติ บริษัทตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกกำลังประสบอยู่จึงได้สนับสนุนสินค้าไทยที่ใช้สีธรรมชาติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาแล้ว จำนวน 3 คอลเลคชั่น และคอลเลคชั่นที่ 4 ที่ชื่อคอลเลคชั่น From Leavesto Lively Thai Dye Collection ได้เกิดจากความร่วมมือระหว่างกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ภายใต้โครงการกิจกรรมเพื่อสังคมคิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ด้านชุมชน, สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้และชุมชนบ้านคีรีวงจ.นครศรีธรรมราช นับเป็นปีที่ 3และเป็นคอลเลคชั่นที่ 4 ที่เราได้นำสินค้าชุมชนมาอวดสายตาชาวโลกอีกครั้ง ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานแห่งความภาคภูมิใจที่เราได้ร่วมเป็นคู่คิดและคู่ค้ากับชุมชน เพื่อชูจุดแข็งและภูมิปัญญาของชาวไทยที่เลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติมาสร้างสรรค์ให้เกิดเป็นผลงานอันงดงาม

“เราตั้งใจผลิตคอลเลคชั่นพิเศษจากฝีมือคนไทยทุกปี หมุนเวียนเปลี่ยนชุมชนไปตามภาคต่างๆ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ดีไซน์ใหม่ๆ น่าสะสม โดยเข้ามาสนับสนุนชาวบ้านในเรื่องของการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ช่วยกันคิด ช่วยกันออกแบบ พัฒนาสินค้าให้ตรงใจผู้บริโภค และตอบโจทย์กับตลาดต่างประเทศเพื่อสานต่อเจตนารมณ์ในการช่วยเหลือชุมชนให้สามารถสร้างอาชีพได้อย่างยั่งยืนจากความถนัดของตัวเอง”

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเปิดตัวคอลเลคชั่นอย่างเป็นทางการและประชาสัมพันธ์สินค้าฝีมือคนไทยให้เป็นที่ประจักษ์ในสายตาคนทั่วโลกกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จึงได้ออกแบบเสื้อแจ๊กเกตรุ่นพิเศษเพื่อให้นักเตะสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ใส่ลงสนามในช่วงพิธีเปิดการแข่งขันในวัน Boxing Day คือวันที่ 26 ธันวาคม ในศึกดวลแข้งกับสโมสรลิเวอร์พูล โดยเสื้อแจ๊กเกตนี้เป็นการ Collaborate เทคนิคการย้อมสีระหว่างทางใต้จากชุมชนคีรีวงนครศรีธรรมราช (สีเหลืองทองช่วงล่าง) และทางเหนือจากชุมชนตะเคียนปม ลำพูน (สีฟ้าครามช่วงบน) ปักโลโก้สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ที่อกซ้าย พร้อมปักรูปธงชาติไทยที่แขนข้างซ้าย และธงชาติอังกฤษที่แขนข้างขวา นำพาความเป็นไทยไปสู่สากลตามเป้าหมายของกลุ่มบริษัท ที่ต้องการให้ผลงานของคนไทยไปไกลถึงระดับโลกโดยแท้จริง ซึ่งแจ๊กเกตดังกล่าวมีวางจำหน่ายเพียง 50 ตัวที่อังกฤษ และอีก 50 ตัว ในประเทศไทยเท่านั้น

สำหรับสินค้าในคอลเลคชั่นนี้ ทำจากผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติทั้งหมดเป็นการย้อมสีผ้าทั้งผืน และเสื้อผ้าสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิคการมัด หรือพับด้วยวัสดุที่มีความทนทาน อย่าง แผ่นไม้ ก้อนหินแล้วมัดด้วยเชือกฟาง เชือกกล้วย หรือหนังยางให้แน่น เพื่อกันสีซึมผ่าน หลังจากนั้นจึงนำไปย้อมสีธรรมชาติตามต้องการ ออกมาเป็น 4 สีหลักจาก 4 วัตถุดิบ คือ สีเทาอมน้ำเงิน จากใบคราม สีส้มอมชมพูจากใบมังคุด สีเหลืองจากใบหูกวาง และสีน้ำตาลอ่อนจากฝักสะตอ

ทั้งนี้ กรรมวิธี ประกอบด้วย 1.การเตรียมน้ำด่าง ซึ่งทางบ้านคีรีวงใช้น้ำด่าง 2 ชนิด คือ น้ำด่างขี้เถ้าจากการเผาไม้ยางพารา และน้ำด่างขี้เถ้าจากเปลือกหอยแครงเผา 2.การเตรียมน้ำย้อมสี โดยนำส่วนต่างๆ ของพืช เช่น ใบไม้ เปลือกไม้ แก่นไม้ดอกไม้ มาต้มไว้ 5-8 ชั่วโมง กรองเฉพาะน้ำสีด้วยผ้าขาวบาง แยกกากออกมา เพื่อนำไปมัดย้อมต่อไป3.การฟอกผ้า โดยนำผ้าฝ้ายมาฟอกก่อน โดยต้มกับน้ำเปล่า หรือน้ำด่างขี้เถ้าจากไม้ยางพาราเพื่อชะล้างคราบแป้ง และไขมันที่เกาะอยู่บนผ้า แล้วซักด้วยน้ำเปล่า บิดพอหมาด เพื่อนำไปมัดลายต่อไป

4.การมัดลายเทคนิคการมัดลายที่ใช้มี 3 วิธี คือ วิธีที่ 1 การมัดแล้วพับ เป็นการพับผ้าให้เป็นรูปต่างๆ แล้วมัดด้วยยางหรือเชือก ผลที่ได้ คือ ลวดลายที่มีลักษณะด้านซ้าย และขวามีความใกล้เคียงกัน โดยผ้ามีสีอ่อนด้านหนึ่ง และสีเข้มอีกด้านหนึ่ง วิธีที่ 2 การขยำแล้วมัด เป็นการขยำผ้าอย่างไม่ตั้งใจ แล้วมัดด้วยยางหรือเชือก ลวดลายที่ได้จะเป็นลวดลายอิสระ การขยำผ้าแต่ละครั้งไม่สามารถควบคุมการทับซ้อนของผ้าได้ ดังนั้น จึงได้ลวดลายที่ไม่ซ้ำแบบ และวิธีที่ 3 การห่อแล้วมัด เป็นการใช้ผ้าห่อวัตถุต่างๆ แล้วมัดด้วยยางหรือเชือก ลายที่เกิดจะเป็นลายใหญ่ หรือเล็กขึ้นอยู่กับวัตถุที่นำมามัด เช่น การนำผ้ามามัดด้วยก้อนหิน รูปทรงแปลกๆ นำมามัดไขว้ไปมา เว้นจังหวะของการมัดให้มีพื้นที่ว่างเพื่อให้สีซึมเข้าไปได้ ซึ่งการมัดด้วยวิธีนี้จะเกิดความสวยงามแปลกตากว่าการมัดด้วยวิธีอื่นๆ 5.การย้อม นำผ้าที่มัดลายแล้วไปต้มกับน้ำสีที่เตรียมไว้ 3 ชั่วโมง โดยใช้เตาไร้ควัน และทุก1 ชั่วโมง นำผ้ามัดย้อมล้างในน้ำด่าง หรือน้ำขี้เถ้าหรือน้ำโคลนแดง หรือน้ำปูน แล้วย้อมสีอีกครั้งเมื่อย้อมเสร็จ นำไปผึ่งในที่ร่ม แล้วเข้าสู่กระบวนการตัดเย็บต่อไป

“กว่า 30 ปีแล้ว ที่ คิงเพาเวอร์ ได้เข้าไปช่วยพัฒนาสินค้าชุมชนทั่วทุกภูมิภาค เราอยากมีส่วนช่วยสร้างอาชีพ และมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ชุมชนต่างๆ ให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง ให้พวกเขามีช่องทางการตลาดเพิ่มขึ้น และเป็นที่รู้จักในวงกว้างจนนำไปสู่การกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างยั่งยืนตามความมุ่งหวังของคิง เพาเวอร์ ที่อยากเห็นคนไทยได้แสดงความสามารถในระดับสากล ภายใต้ความเชื่อมั่นว่าคนไทยทำได้ไม่แพ้ชาติใดในโลก”นายอัยยวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย

Leave a comment