รถไฟสำราญ “อีสเทิร์น แอนด์ โอเรียนทอล เอ็กซ์เพรส”

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี

http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07076011258&srcday=2015-12-01&search=no

วันที่ 01 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 21 ฉบับที่ 386

BIG IDEA

สุมิตรา จันทร์เงา

รถไฟสำราญ “อีสเทิร์น แอนด์ โอเรียนทอล เอ็กซ์เพรส”

2 ฉบับก่อน พูดถึงรถไฟพระที่นั่งซึ่งเป็นขบวนรถพิเศษที่การรถไฟแห่งประเทศไทย น้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชพาหนะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์

คราวนี้เลยอยากจะเล่าถึงรถไฟสุดหรูในเมืองไทยที่ขึ้นชื่อลือชาระดับโลกกันบ้าง คือ “อีสเทิร์น แอนด์ โอเรียนทอล เอ็กซ์เพรส” (Eastern & Oriental Express) หรือเรียกย่อๆ ว่า “อีแอนด์โอ (E&O)”

ขบวนรถไฟสายอีสเทิร์น แอนด์ โอเรียนทอล เอ็กซ์เพรส เป็นสาขาหนึ่งของรถไฟ “ดิ โอเรียนทอล เอ็กซ์เพรส” (The Oriental Express) อันโด่งดังของบริษัทเบลมอนด์ (Belmond Ltd.) ซึ่งในยุคทองของการรถไฟเมื่อ 100 ปีก่อนไม่มีรถไฟขบวนไหนจะโด่งดังไปกว่า ดิ โอเรียนทอล เอ็กซ์เพรส อีกแล้ว แต่เนื่องจากเรื่องราวของ ดิ โอเรียนทอล เอ็กซ์เพรส ยาวมาก ก็เลยต้องขอตัดตอนเล่าเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับ อีสเทิร์น แอนด์ โอเรียนทอล เอ็กซ์เพรส (อีแอนด์โอ) ซึ่งเป็นขบวนลูกไปก่อน คราวหน้าค่อยว่าด้วยรถไฟหรูขบวนแม่

“อีแอนด์โอ” เป็นความคิดของ เจมส์ เชอร์วู้ด ผู้ก่อตั้งเครือโรงแรม รถไฟ และเรือสำราญโอเรียนทอล เอ็กซ์เพรส เขาเป็นคนนำขบวนรถไฟสายโอเรียนทอล เอ็กซ์เพรส สายเวนิส-ซิมพลอน กลับมาใหม่ในยุโรป เลยอยากขยายการเดินรถไฟมาทางเอเชียบ้าง

ถึงแม้ “อีแอนด์โอ” จะเป็นรถไฟรุ่นลูกแต่ก็ยังรักษาระดับความหรูหราราคาแพงสนองรสนิยมวิไลของผู้ใช้บริการผ่านเส้นทางอันสุดแสนโรแมนติกในกลุ่มประเทศภาคีอาเซียน-สิงคโปร์-มาเลเซีย ไทย และลาว ซึ่งเปิดเดินรถกันเป็นประจำ

“อีแอนด์โอ” เป็น “รถไฟสำราญ” ในลักษณะเดียวกับ “เรือสำราญ” ที่เรารู้จักกันดีผ่านภาพยนตร์และละครโทรทัศน์หลายเรื่องที่นำบรรยากาศเรื่องราวระหว่างการเดินทางของชนชั้นสูง มาสร้างเป็นจินตนาการในนิยายสืบสวนโด่งดังที่มีเหตุการณ์หลากหลายรสชาติอุบัติขึ้น คนที่มาเที่ยวด้วยรถไฟขบวนนี้ก็ไม่ได้ต่างไปจากพวกเที่ยวเรือสำราญเลย เนื่องจากค่าโดยสารแพงจัด ดังนั้น จึงเป็นรถไฟหรูของบรรดาเศรษฐีแทบจะทั้งขบวนก็ว่าได้

“ลักชัวรี่-ความหรูหรา” คือ คีย์เวิร์ดของการพักผ่อนด้วยรถไฟแบบนี้ มันเป็นการพักผ่อนแบบหรูหราที่หมายถึงการมีเวลามากมายในการทำอะไรอย่างช้าๆ ไม่เร่งรีบ การได้ชมวิวสองข้างทาง การได้ทานอาหารอร่อยๆ แบบไม่เร่งรีบ ไม่ต้องกังวลกับอะไรทั้งสิ้น มีทีมงานพร้อมที่จะให้บริการทุกอย่างให้คุณได้เดินทางไปพักผ่อนไป สามารถพูดคุยทำความรู้จักกับผู้โดยสารคนอื่นได้อย่างสำราญใจ หรือไม่ก็ไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากนั่งชมวิวผ่านไปเรื่อยๆ

รถไฟสำราญ สายอีสเทิร์น แอนด์ โอเรียนทอล เอ็กซ์เพรส และ ดิ โอเรียนทอล เอ็กซ์เพรส ต่างได้รับการโหวตให้เป็น 1 ใน 25 เส้นทางรถไฟที่ดีที่สุดในโลก (The World”s Top 25 Trains) โดยสมาคมผู้โดยสารรถไฟระหว่างประเทศ (The Society of International Railway Travelers) ในแง่ขบวนรถไฟที่หรูหราสวยงาม การบริการ อาหาร และการนำเที่ยวหาประสบการณ์ระหว่างเดินทางอันยอดเยี่ยม

Eastern & Oriental Express เปิดเดินรถในไทยมากว่า 20 ปีแล้ว และยังคงรูปโฉมเดิมมาตั้งแต่เปิดเที่ยวปฐมฤกษ์เมื่อเดือนกันยายน 2536 เป็นรถไฟระหว่างประเทศ เส้นทางกรุงเทพฯ-สิงคโปร์ ซึ่งมีความยาวทั้งขบวน 500 เมตร ประกอบโดยตู้โบกี้ทั้งหมด 22 ตู้

ภายในขบวนรถจะมีโบกี้เปิดโล่งสำหรับชมวิวอยู่ท้ายสุด มีห้องอาหารที่พรั่งพร้อมไปด้วยเครื่องบำรุงบำเรอความสุขจากเสบียง 3 ตู้ ซึ่งตกแต่งประดุจภัตตาคารหรูหราให้เป็นไฮไลต์ของรถไฟขบวนนี้ มีห้องนั่งเล่นใช้เป็นห้องโถงสำหรับให้ผู้โดยสารได้มาพบปะกัน ห้องดนตรีหรือเปียโนบาร์สำหรับฟังเพลง ห้องสมุดซึ่งตกแต่งสุดแสนโรแมนติก มีโรงภาพยนตร์ ห้องฟิตเนส ห้องสปา นอกจากนั้นเป็นตู้สำหรับพนักงานและเตรียมการบริการ 2 ตู้ ยังมีตู้สัมภาระอีก 3 ตู้

สำหรับห้องพักจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท 3 ราคา คือ

ห้องเพรสซิเดนท์สวีต เป็นห้องราคาแพงสุดแต่ก็หรูมากที่สุด กว้าง 11.6 ตารางเมตร มีห้องอาบน้ำ ห้องแต่งตัว และห้องนอนกว้างขวาง ภายในห้องประกอบด้วยโซฟาและเก้าอี้นั่งเล่น 3 ตัว ซึ่งกลางคืนเปลี่ยนเป็นเตียงนอนใหญ่ ปัจจุบัน ราคาเริ่มต้นประมาณ 200,000 บาท

ห้องสเตตเคบิน ขนาด 7.8 ตารางเมตร เล็กลงมาในราคาเริ่มต้น 140,000 บาท แต่สิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม เช่น ที่แขวนเสื้อผ้า ห้องอาบน้ำ ไดรเป่าผม อ่างล้างหน้าเล็กๆ โซฟา 2 ตัวซึ่งตอนกลางคืนจะปรับให้เป็นเตียงนอน 2 เตียงคู่กัน

ห้องพูลแมนเคบิน เป็นห้องที่ราคาถูกที่สุด ขนาด 5 ตารางเมตร แต่ก็ใช่ว่าจะไม่หรูหรานะ เตียงนอนเป็นแบบชั้นบน-ล่าง ซึ่งกลางวันจะกลายเป็นโซฟานุ่มๆ ให้นั่งเล่นเหมือนห้องอื่นๆ ห้องพูลแมนจะมีมากสุดในขบวนคือ 30 ห้อง ราคาเริ่มต้นราว 100,000 บาท

สำหรับค่าโดยสารในแต่ละฤดูกาลจะถูกแพงแตกต่างกันไป เช่น การเดินทาง 4 วัน 3 คืนระหว่างกรุงเทพฯ-สิงคโปร์ ช่วงไฮซีซั่นในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมปีนี้ ซึ่งเปิดเดินรถในวันที่ 4, 11, 18 พฤศจิกายน กับวันที่ 25 ธันวาคม ค่าตั๋วห้องพูลแมน ?1,810 (99,550 บาท) ห้องสเตต ?2,580 (141,900 บาท) ห้องเพรสซิเดนท์ ?3,930 (216,150 บาท)

ในแต่ละปีจะมีการปรับค่าโดยสารเพิ่มขึ้นตลอด อย่างในปี 2559 ก็กำหนดราคาออกมาแล้ว ช่วงไฮซีซั่น เดือน มกราคม-มีนาคม กับ ตุลาคม-ธันวาคม ราคาต่อหัว ?1,860, ?2,660 และ ?4,050 ตามลำดับ (อยากรู้เงินไทยให้เอา 55 คูณ) ส่วนโลว์ซีซั่นเดือนเมษายน-กันยายน ราคาปี 2559 อยู่ที่ ?1,690, ?2,420 และ ?3,510 ตามลำดับ

ค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะเหมารวมทุกอย่างเอาไว้แล้วทั้งอาหารเครื่องดื่มทุกมื้อและการนำเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ระหว่างทาง ซึ่งแต่ละห้องจะมี “บัตเลอร์” หรือพ่อบ้านคอยดูแลอย่างดีเหมือนกับโรงแรมระดับ 5 ดาว ตู้นอนทุกตู้มีห้องน้ำและห้องสุขภัณฑ์ส่วนตัวในแต่ละตู้ รองรับผู้โดยสารประมาณ 135 คน

สิ่งที่สร้างความรู้สึกหรูหราในการโดยสารรถไฟอีแอนด์โอ คือรูปลักษณ์และการตกแต่งที่พิเศษกว่ารถไฟขบวนอื่น ทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเดินทางในช่วงยุคทองของรถไฟ ช่วงปี ค.ศ. 1920-1930 ที่การเดินทางโดยรถไฟเป็นการเดินทางที่หรูหราที่สุด

นักออกแบบของอีแอนด์โอ ได้รับแรงบันดาลใจจากรถไฟยุโรป และภาพยนตร์เรื่อง “เซี่ยงไฮ้ เอ็กซ์เพรส” ที่โด่งดัง เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับการสืบสวนการฆาตกรรมในยุค 1920 เนื้อเรื่องส่วนใหญ่อยู่บนรถไฟหรูที่จินตนาการขึ้นในเมืองจีน ซึ่งนักออกแบบได้รับแรงบันดาลใจเรื่องการตกแต่งภายในมาจากหนังเรื่องนี้

ขบวนรถอีแอนด์โอเป็นรถเก่าสร้างในปี 1932 โดยบริษัทฮิตาชิ เคยถูกใช้งานอยู่ที่นิวซีแลนด์มาก่อน แล้วถูกซื้อมาปรับโฉมที่สิงคโปร์ มีลวดลายไม้ประดับมุก พรมจากเมืองไทย ผ้าบางอย่างจากอิตาลี และตั้งใจใช้ไม้ที่ทำให้รู้สึกได้ถึงความหรูหรา อบอุ่น สบาย โดยเฉพาะงานแล็กเกอร์แวร์ฝีมือศิลปินหญิงชาวเอเชียทำมา 25 ปีแล้วยังงดงามอยู่

ที่ผ่านมา “อีแอนด์โอ” อ้าแขนรับเศรษฐีนักท่องเที่ยวมากมายจาก 120 ประเทศทั่วโลก ตลาดใหญ่ที่สุดคือสหราชอาณาจักร รองลงมาเป็นนักท่องเที่ยวในแถบภูมิภาคเอเชียแฟซิฟิก เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน ไต้หวัน และประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เป็นที่น่าสังเกตว่าเศรษฐีในแถบเอเชียโดยเฉพาะจีนแผ่นดินใหญ่ยังไม่ค่อยนิยมเดินทางกับอีแอนด์โอมากนัก เป็นเพราะคนแถวนี้ไม่มีประวัติการเดินทางโดยรถไฟหรูหรามาก่อน ไม่เหมือนผู้โดยสารแถวสหรัฐอเมริกาที่เห็นประธานาธิบดี เชื้อพระวงศ์ ดารา ผู้นำธุรกิจเดินทางโดยรถไฟหรูหราอยู่บ่อยๆ ชาวเอเชียหลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อ 120 ปีที่แล้วการเดินทางโดยรถไฟนั้นถือว่าหรูหราที่สุดแล้ว

ลักษณะของการเดินทางไปกับอีแอนด์โอเหมือนการเข้าเช็กอินโรงแรมชั้น 1 ทุกประการ มีพนักงานมายกกระเป๋าไปเก็บไว้ในห้องพักไม่ต้องเหนื่อยหิ้วเอง รถไฟก็ออกเดินทางตรงเวลาจากหัวลำโพง 17.50 น. ตรงไปยังสถานีกาญจนบุรีเพื่อแวะชมสะพานข้ามแม่น้ำแคว และอนุสรณ์สถานตามเส้นทางรถไฟสายมรณะในวันรุ่งขึ้น จากนั้นมุ่งหน้าลงใต้ไปประเทศมาเลเซีย สิ้นสุดปลายทางที่สถานีสิงคโปร์ ระยะทาง 2,318 กิโลเมตร

ตลอดเวลาเดินทาง ทุกเช้าพ่อบ้านประจำตู้โดยสารซึ่งทำงานตลอด 24 ชั่วโมง จะเสิร์ฟอาหารเช้าถึงห้องพัก มีน้ำชา กาแฟให้เลือกตามที่ชอบ พร้อมอาหารเช้าที่เลือกเวลาได้ว่าต้องการทานตอนกี่โมง ไม่มีใครเร่งให้ตื่น จะนอนตื่นเที่ยงเลยก็ได้ หิวเมื่อไหร่ก็ค่อยเรียกพ่อบ้านหาของมาให้กิน

สำหรับอาหารมื้อเที่ยงและมื้อเย็นจัดเป็นคอร์สแบบฟิวชั่นฟู้ด ผสมผสานรสชาติตะวันออกกับตะวันตก ปิดท้ายด้วยขนมหวาน ชา กาแฟ ตกแต่งสวยงามไม่แพ้โรงแรม 5 ดาว ทานอิ่มแล้วใครชอบอยู่เงียบๆ ก็ไปนั่งชิลในห้องอ่านหนังสือ ถ้าเบื่อก็มีกิจกรรมอื่นให้ทำมากมาย หนึ่งในนั้นที่ได้รับความนิยมมากคือการนวดเท้า บ่ายๆ มีช่วงเวลาดื่มไฮทีกับของว่าง และมีชั่วโมงให้ความรู้เรื่องผลไม้ไทย พร้อมกับมีผลไม้ให้ชิมด้วย

ช่วงเวลาพิเศษที่สุดคือเวลาอาหารค่ำ ที่มีเดรสโค้ดให้ผู้ชายใส่สูทผูกไท ผู้หญิงแต่งชุดราตรีสวยเหมือนไปดินเนอร์ตามโรงแรมหรู นี่เป็นกฎที่ผู้โดยสารทุกคนต้องปฏิบัติตาม จึงทำให้ห้องอาหารไม่เพียงหรูหราด้วยเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับตกแต่ง แต่เครื่องแต่งกายสวยงามของผู้คนที่มาร่วมดื่มกินได้เพิ่มความหรูหราภูมิฐานให้มากขึ้นอีก

อาหารเย็นทุกวัน 3 คืนจะเสิร์ฟเป็นคอร์สคุณภาพเทียบเท่าโรงแรม 5 ดาว ประกอบด้วย อาหารเรียกน้ำย่อย ซุปหรือสลัด ตามด้วยจานหลักซึ่งอาจเป็นข้าวกับแกง หรือสเต๊ก มีไวน์ขาวไวน์แดงเสิร์ฟตลอดมื้ออาหาร

อิ่มแล้วใครยังไม่อยากกลับเข้าห้องก็ไปฟังเพลงต่อที่ห้องฟังเพลงหรือเปียโนบาร์ ซึ่งเปิดตอนเย็นตั้งแต่ 6 โมงครึ่ง ยาวไปจนถึงตี 2 หรือบางวันอาจถึงตี 5 ในห้องฟังเพลงนี้ยังมีโชว์พื้นเมืองต่างๆ ให้ชม ด้วย

เมื่อรถไฟเข้าจอดที่สถานีที่ปาดังเบซาร์ต้องเปลี่ยนหัวรถจักรเป็นของมาเลเซีย ผู้โดยสารประทับตราพาสปอร์ตที่นี่ วิวสองข้างทางเปลี่ยนจากป่ายางมาเป็นต้นปาล์ม และเมื่อถึงเมืองบัตเตอร์เวิร์ท รถไฟแวะจอดให้ผู้โดยสารนั่งรถบัสข้ามสะพานไปเที่ยวเมืองจอร์จทาวน์ เกาะปีนัง ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลก ที่นี่มีทั้งชุมชนชาวจีน มาเลเซีย และอินเดีย อาศัยอยู่ร่วมกันเป็นย่านๆ จึงมีทั้งวัดจีน มัสยิด วัดฮินดู และโบสถ์ อยู่ในละแวกใกล้ๆ กัน และผู้คนยังคงอนุรักษ์บ้านเรือนแบบดั้งเดิมและวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย

วันสุดท้าย เช้าวันที่ 4 รถไฟไปจอดเทียบชานชาลาที่สถานีรถไฟวู้ดแลนด์ของประเทศสิงคโปร์

ที่น่าภาคภูมิใจของชาวไทยคือ พนักงานส่วนใหญ่ที่ได้รับเลือกให้มาทำงานกับอีแอนด์โอ จนสร้างความประทับใจให้กับผู้โดยสารทั่วโลก เป็นคนไทยถึง 70 เปอร์เซ็นต์ และทำงานอยู่ส่วนหน้าด้านการต้อนรับเกือบทั้งหมด เป็นเพราะคนไทยได้รับการปลูกฝังให้ยิ้มแย้มมีอัธยาศัยดี ดูแลเอาใจใส่ผู้อื่นได้ดี

ปัจจุบัน Eastern & Oriental Express จัดเดินรถ 9 เส้นทาง และตั้งแต่ปี 2550 ได้เปิดเส้นทางระหว่างกรุงเทพฯ-เวียงจันทน์ ล่าสุดเมื่อปี 2553 ได้เปิดเส้นทางระหว่างกรุงเทพฯ-เชียงใหม่เพิ่มอีก แต่เส้นทางยอดนิยมที่สุดยังเป็นสิงคโปร์-กรุงเทพฯ

ใครสนใจอยากลองมีประสบการณ์เดินทางหรูหราโดยรถไฟสักครั้งในชีวิต ขอแนะนำรถไฟสำราญขบวนนี้ Eastern & Oriental Express

Leave a comment