‘ธรรมนัส’ลุยแก้เกษตร นครปฐม

SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/804236

วันจันทร์ ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567, 06.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ลงพื้นที่ แก้ไขปัญหาการเลี้ยงกุ้ง การปลูกข้าว และการแก้ไขปัญหาประตูระบายน้ำให้กับเกษตรกรในพื้นที่ จ.นครปฐม โดยมี นายอรรถวุฒิ พึ่งเนียม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หัวหน้าส่วนราชการผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ใหญ่บ้าน เกษตรกร และชาวจังหวัดนครปฐม ให้การต้อนรับ โดยร้อยเอกธรรมนัส รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ตามที่ได้มอบหมายนโยบายและหลักการทำงานสำคัญให้กับผู้บริหาร หัวหน้า ส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชน รวมทั้ง บุคลากรหน่วยงานทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และต่างประเทศ เน้นนโยบายการแก้ไขปัญหาด่านการเกษตร เพื่อให้ “เกษตรกรกินดี อยู่ดี มีรายได้ มีอาชีพที่มั่นคง สินค้าเกษตรมูลค่าสูง ทรัพยากรเกษตรยั่งยืน และ ภาคเกษตรไทยคือผู้นำสินค้าเกษตรในตลาดโลก” เน้นการสร้างวิธีการทำงาน สู่การปฏิบัติ อาทิ การจัดตั้งศูนย์บริการประชาชน ภาคการเกษตร การรับมือ ภัยธรรมชาติ ปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย ยกระดับ สินค้าเกษตรเสริมศักยภาพเกษตรกร การจัดการทรัพยากรทางการเกษตร ทำการเกษตรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม การอำนวยความสะดวกด้านการเกษตร นั้น  ขอขอบคุณ นายอรรถวุฒิ พึ่งเนียม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม  พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดนครปฐม ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเกษตรกรทุกท่าน ที่ได้ให้เกียรติมาร่วมให้ข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาพื้นที่ร่วมกันในวันนี้

นายอรรถวุฒิ รอง ผวจ.นครปฐม กล่าวว่า จ.นครปฐม เป็นแหล่งเกษตรกรรมที่สำคัญ มีทรัพยากรดินและน้ำอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเกษตร โดยมีแม่น้ำท่าจีนเป็นแม่น้ำสายหลัก และมีระบบชลประทานครอบคลุมพื้นที่ทั้งจังหวัด เป็นแหล่งเพาะปลูกข้าว พืชผัก และผลไม้ที่สำคัญ นอกจากนี้ ยังมีการทำประมงน้ำจืดที่สำคัญ ได้แก่ การเลี้ยงกุ้งก้ามกราม กุ้งขาวแวนนาไม และปลาน้ำจืด แต่ในขณะนี้ เกษตรกรผู้ปลูกข้าว และเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ต้องประสบปัญหา ทำให้ผลผลิตมีปริมาณน้อย ประกอบกับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้เกษตรกรขาดทุนอย่างต่อเนื่อง

ที่ปรึกษาฯตรวจ เส้นทางส่งออก สินค้าปศุสัตว์ ไปยังลาว-จีน

SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/804235

วันจันทร์ ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567, 06.00 น.

นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ ตรวจเยี่ยมสถานที่ขนส่งสัตว์มีชีวิต อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เพื่อรองรับการค้าด้านปศุสัตว์ ไทย-ลาว-จีน โดยมีนายสัตวแพทย์บุญญกฤช ปิ่นประสงค์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ และนายสุรพล ธัญญเจริญ ปศุสัตว์เขต 5 และนายพืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์ จ.เชียงราย นายโชคชัย วงละคร หัวหน้าด่านกักกันสัตว์เชียงราย ร่วมให้ข้อมูลในการตรวจราชการ

สำหรับเส้นทางรองรับการค้าด้านปศุสัตว์ ไทย-ลาว-จีน ขนส่งทางน้ำ ประกอบด้วย 2 เส้นทาง ดังนี้ 1.ท่าปศุสัตว์เชียงแสน ด่านกักกันสัตว์เชียงราย เป็นสถานที่ดำเนินการของผู้ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารที่สำคัญ เช่น สัตว์มีชีวิต และผลิตภัณฑ์ ไทยมีมาตรการควบคุมป้องกันการระบาดโรคที่เข้มงวด ไทยมีระบบควบคุม ป้องกันโรคระบาดสัตว์ที่ผ่านเข้า-ออกประเทศ และ 2.ท่าเรือห้าเชียงเทรดดิ้ง อ.เชียงแสนท่าขนถ่ายสินค้าด้านปศุสัตว์ (โค-กระบือ-แพะ แกะ-สุกร-สัตว์ปีก) ของเอกชน

ทั้งนี้ แผนในอนาคตการพัฒนาท่าปศุสัตว์เชียงแสน ด่านกักกันสัตว์เชียงราย ทางภาครัฐสนับสนุนให้เป็นทางนำเข้า-ส่งออกสัตว์มีชีวิตในช่องทางนี้ต่อไป ยกระดับท่าปศุสัตว์เชียงแสนเพื่อรองรับการเป็นท่านำเข้า-ส่งออกสินค้าปศุสัตว์ตามมาตรฐานสากล และถูกต้องตามระเบียบของกรมปศุสัตว์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับรองรับการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ไปยังประเทศลาว-จีน

ผู้ช่วยฯดูแปลงฯต้นแบบ หนุนเกษตรเขตเมืองอัจฉริยะ

SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/804237

วันจันทร์ ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567, 06.00 น.

ดร.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนแปลงเกษตรกรต้นแบบ โครงการส่งเสริมการเกษตรเขตเมืองอัจฉริยะ นายสมศักดิ์ เกิดเปี่ยม ที่ฟาร์มทรัพย์แทนวันดี ต.บางน้ำจืด อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร โดยกรมส่งเสริมการเกษตร มีนโยบายการดำเนินงานโครงการส่งเสริมเกษตรเขตเมืองอัจฉริยะ ปี 2567 โดยมีกลไกส่งเสริมเกษตรเขตเมืองอัจฉริยะ ประกอบด้วย 1.หุ้นส่วนเกษตรเขตเมืองคือเจ้าของที่ดินที่ต้องการพัฒนาพื้นที่ว่างเปล่าเขตเมืองหรือพื้นที่การเกษตรที่ใช้ประโยชน์ไม่เต็มประสิทธิภาพ 2.เกษตรกรผู้ประกอบการเกษตรเขตเมือง (Startup CEO) คือเกษตรกรหรือผู้ที่มีประสบการณ์ความรู้ความสามารถทำหน้าที่บริหารจัดการแปลงเกษตรเขตเมือง 3.เจ้าของนวัตกรรมระบบเกษตรอัจฉริยะ คือผู้ให้การสนับสนุนเทคโนโลยีด้านการเกษตรเพื่อพัฒนาการทำเกษตรเขตเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ และ 4.วิสาหกิจชุมชนหรือผู้ประกอบการด้านตลาด คือเกษตรกร กลุ่มเกษตรกรหรือภาคเอกชน ที่รวบรวมและกระจายผลผลิตฟาร์มเกษตรเขตเมือง สู่ตลาดทุกระดับ

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร จะทำหน้าที่สนับสนุนวิชาการด้านพืช การวางแผนการผลิต การดูแลป้องกันอารักขาพืช การประสานงานจัดหาช่องทางตลาด และเป็นที่ปรึกษาธุรกิจเกษตรให้แก่หุ้นส่วนเกษตรเขตเมือง การดำเนินงานในโครงการนี้จะสามารถส่งเสริมและสนับสนุนพัฒนาพื้นที่เขตเมืองให้เกิดการใช้ประโยชน์ในการผลิตทางการเกษตร สามารถพัฒนาเป็นฟาร์มเกษตรอัจฉริยะ ผ่านกลไกพัฒนาการเกษตรของศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร และเกษตรกรต้นแบบในพื้นที่ และเพื่อพัฒนาศักยภาพเกษตรกรให้เป็นผู้ประกอบการธุรกิจเกษตรเขตเมือง

สำนักงานเกษตร จ.สมุทรสาคร ได้ขับเคลื่อนงานโครงการส่งเสริมเกษตรเขตเมืองอัจฉริยะ ประจำปี 2567 นำร่อง 1,000 แปลง ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร นนทบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี และ กทม.โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนพัฒนาพื้นที่เขตเมืองให้เกิดประโยชน์ในการผลิตทางการเกษตร สามารถพัฒนาเป็นฟาร์มเกษตรอัจฉริยะ ผ่านกลไกพัฒนาการเกษตรของศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) และเกษตรกรต้นแบบในพื้นที่ เกษตรกรปราดเปรื่อง Smart Farmer และ Young Smart Farmer กลุ่มวิสาหกิจชุมชน หรือกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาพื้นที่เกษตรเขตเมือง โดยร่วมวางแผนกับเจ้าของที่ดินในฐานะหุ้นส่วนเกษตรเขตเมืองดำเนินการผลิตเกษตรที่สอดคล้องกับตลาดมีการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เช่น ระบบเกษตรอัจฉริยะ และเกษตรปลอดภัยโดยใช้กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ให้เป็นพื้นที่ต้นแบบการทำเกษตรในเขตเมืองเกิดพื้นที่สีเขียว ใน จ.สมุทรสาคร มีเป้าหมาย 200 แปลง

กรมชลฯปรับรอบ2ไม่ปลูกข้าวนาปรัง

SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/804240

วันจันทร์ ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567, 06.00 น.

นายชูชาติ รักจิตร อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงสถานการณ์น้ำปัจจุบัน ว่าอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 48,795 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) 64% ของความจุอ่างฯ รวมกัน เป็นน้ำใช้การได้ 24,854 ล้าน ลบ.ม.(47% ของความจุอ่างฯรวมกัน)เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์)มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 13,446 ล้าน ลบ.ม.(54% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) ปริมาณน้ำใช้การได้ 6,750 ล้าน ลบ.ม.(37% ของความจุอ่างฯรวมกัน) ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 จนถึงขณะนี้ มีการจัดสรรน้ำช่วงฤดูแล้งปี 2566/67 ทั้งประเทศไปแล้วกว่า17,312 ล้าน ลบ.ม.(69%) เฉพาะลุ่มเจ้าพระยามีการใช้น้ำไปแล้วประมาณ 6,339 ล้าน ลบ.ม.(73%)

ด้านสถานการณ์การเพาะปลูกข้าวนาปรัง ทั้งประเทศมีการทำนาปรังไปแล้วประมาณ 8.82 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 152 ของแผนฯ เฉพาะลุ่มเจ้าพระยา มีการทำนาปรังไปแล้วประมาณ 5.68 ล้านไร่คิดเป็นร้อยละ 188 ของแผนฯ ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่าพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรังในลุ่มเจ้าพระยาเริ่มคงที่ เนื่องจากปัจจุบันเกษตรกรได้เริ่มทยอยเก็บเกี่ยวข้าวนาปรังรอบแรกแล้ว อย่างไรก็ตาม ขอให้เกษตรกรที่เก็บเกี่ยวนาปรังรอบแรกแล้วเสร็จ ไม่ทำนาปรังรอบสอง เพื่อลดความเสียผลผลิตเสียหายจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอ พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้โครงการชลประทานในพื้นที่ เร่งเข้าสำรวจพื้นที่ที่เก็บเกี่ยวแล้ว เพื่อวางแผนปรับลดการรับน้ำเข้าพื้นที่ เป็นการประหยัดน้ำสำรองไว้ใช้ในการอุปโภค-บริโภค และรักษาระบบนิเวศ โดยการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาถึงปรากฏการณ์ลานีญาจะส่งผลให้ครึ่งปีหลังช่วงปลายฤดูฝน มีปริมาณฝนตกมากกว่าค่าปกติ จึงกำชับให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ ติดตามสถานการณ์สภาพอากาศด้วย

ปลัดฯเคาะหลักเกณฑ์ฯ ทำโครงการนมโรงเรียน

SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/804241

วันจันทร์ ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567, 06.00 น.

นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน ครั้งที่ 4/2567 โดยมีนายอภัย สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรฯ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ว่าที่ประชุมได้รับทราบสรุปผลการตรวจสอบปริมาณน้ำนมดิบที่ฟาร์มเกษตรกร 2,821.86 ตัน ซึ่งจะยึดเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการนมโรงเรียนทั้งระบบ

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ประจำปีการศึกษา 2567 รวมทั้งเห็นชอบการกำหนดแผนการดำเนินงานโครงการฯ โดยปลัดกระทรวงเกษตรฯ ลงนามประกาศคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ประจำปีการศึกษา 2567 เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมาทั้งนี้ เพื่อให้กระบวนการดำเนินงานโครงการฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยกำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของนักเรียนที่กำลังจะเปิดเทอมในปีการศึกษา 2567จะต้องได้ดื่มนมโรงเรียนทันเปิดเทอม

รู้เรื่องยากับเภสัชจุฬาฯ : กินเค็มมาก สุขภาพจะทรุดโทรม

SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/804194

รู้เรื่องยากับเภสัชจุฬาฯ : กินเค็มมาก สุขภาพจะทรุดโทรม

รู้เรื่องยากับเภสัชจุฬาฯ : กินเค็มมาก สุขภาพจะทรุดโทรม

วันจันทร์ ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567, 07.30 น.

วันก่อนผู้เขียนไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือร้านชื่อดังแห่งหนึ่งที่มีสาขามากมาย นอกเหนือจากได้รสชาติอร่อยแล้ว ยังได้ความเค็มจัดตามมา หลังจากกินแล้วก็หิวน้ำมาก เนื่องจากน้ำซุปเค็มมาก ต้องบอกตรงๆ ว่ายุคนี้คนไทยกินอาหารรสจัดมาก ทั้งหวาน เค็ม เผ็ดจัด แต่หลายคนบอกว่าอร่อย แต่ก็ต้องเตือนว่าอันตรายมาก

คนที่มีอายุเกิน 45 ปี คงรับรู้ได้ว่าอาหารบ้านเรายุคนี้เค็มมากขึ้นกว่าสมัยก่อน สำหรับตัวผู้เขียนเองนั้นเมื่อครั้งได้ไปเรียนต่อที่อเมริกาเมื่อนานมาแล้ว ก็รู้สึกว่าขนมขบเคี้ยว เช่น มันฝรั่งถุงชื่อดังในอเมริกามีรสเค็มมากและเค็มกว่าที่ขายในไทย แต่ปัจจุปันขนมถุงที่ขายในไทยก็เค็มไม่แพ้ที่อื่น

คนส่วนมากในสังคมปัจจุบันพึ่งพาการกินอาหารจากร้านอาหาร ไม่ว่าจะกินในร้าน หรือสั่งไปกินที่บ้าน ทุกอย่างที่ปรุงรสนั้นล้วนอุดมไปด้วยเกลือ และโซเดียมในรูปแบบต่างๆ เช่น น้ำปลา ซีอิ๊ว ซอสปรุงรสฝาสีต่างๆ น้ำมันหอย ผงชูรส ผงปรุงรสซุปก้อน จนไปถึงน้ำปลาร้า ทำให้ผู้บริโภคถูกบังคับให้คุ้นชินกับความเค็มมากไปโดยปริยาย จนคนในสังคมส่วนใหญ่กลายเป็นคนกินเค็ม

อาหารที่มีรสชาติจัดจ้านมากๆ นั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หากกินไปโดยไม่ระมัดระวัง และกินบ่อยๆ กินมากๆ ดังนั้น ในสัปดาห์นี้ จึงขอพูดเรื่องผลลบต่อสุขภาพที่เกิดจากการกินรสเค็มมากเกินไป

อาหารที่มีรสเค็มสามารถกระตุ้นการหลั่งสารโดปามีน ทำให้คนกินรู้สึกว่ามีรสชาติอร่อย จนในที่สุดก็กลายเป็นเสพติด จึงไม่แปลกใจที่คนเราจะติดความเค็ม

ในแต่ละวันนั้น คนหนึ่งคนควรกินโซเดียมไม่ควรเกิน 2,000 มิลลิกรัม หรือ เท่ากับเกลือไม่เกิน 5 กรัม หรือ 1 ช้อนชาเท่านั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อเรากินเค็มมากเกินไป คือทำให้เกิดการคั่งของเกลือและน้ำส่งผลให้ไตต้องทำงานเพิ่มขึ้น และยังมีผลต่อความดันโลหิต หัวใจก็ทำงานหนักขึ้น 

นอกจากนั้น อาหารรสจัดยังทำให้เรากินอาหารในปริมาณมากขึ้น เช่น เมื่อกับข้าวมีรสชาติจัดก็จะทำให้กินข้าวมากขึ้น ทำให้เสี่ยงต่อโรคอ้วน โรคเบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูง แน่นอนว่าเพิ่มความเสี่ยงทั้งโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งโรคต่างๆ เหล่านี้ ส่งผลให้เกิดภาวะไตเสื่อม และไตวายเรื้อรังตามมา ซึ่งอาจจะเป็นที่มาของประโยคขำๆ ที่ว่า เค็มถูกใจ ไตถูกตัด 

การกินเค็มเกินไปจึงมีผลต่อการควบคุมโรคต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ในคนไข้ที่เป็นโรคเหล่านี้ จึงถูกเน้นย้ำเสมอว่าควรลด หรืองดการบริโภคอาหารที่เค็มเกินไป

เทคนิคง่ายๆ ในการลดการบริโภคเค็ม อันดับแรกคือ ลด หรืองดการเติมน้ำปลา หรือเกลือลงในกรรมวิธีการปรุงอาหาร อีกสิ่งหนึ่งที่สามารถทำได้ก็คือการหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปต่างๆ เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไส้กรอก แฮม เบคอน เพราะในอาหารเหล่านั้นมีปริมาณโซเดียมค่อนข้างสูง รวมถึงหลีกเลี่ยงการบริโภคขนมถุงกรุบกรอบ เพราะเป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่ปริมาณโซเดียมค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่เป็นโรคเบาหวาน หรือโรคความดันโลหิตสูง ยิ่งต้องงดการบริโภคของเหล่านั้นอย่างเด็ดขาด

ปัญหาที่คุยกันในอาทิตย์นี้ หลายท่านอาจดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่สำหรับบุคลากรทางการแพทย์แล้วมีความกังวล เพราะประเทศไทยอาจจะเต็มไปด้วยผู้ป่วยโรคหัวใจ หรือไม่ก็โรคไต และจำนวนของผู้ป่วยที่ต้องล้างไตก็จะเพิ่มขึ้นจำนวนมากอย่างแน่นอน นอกจากผู้ป่วยจะมีคุณภาพชีวิตที่ไม่เหมือนเดิมแล้ว เงินจำนวนมหาศาลที่ประเทศต้องสูญเสียไปกับค่าดูแลรักษา และยังสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ที่ต้องเจ็บป่วยไป

ดูเหมือนว่า นอกจากมาตรการเก็บภาษีน้ำตาลแล้ว คงต้องพิจารณาออกกฎหมายภาษีเค็ม หรือภาษีเกลือ (ถ้าจะให้ครอบคุมก็ต้องเรียกว่า ภาษีโซเดียม) เพราะนายทุน หรือเจ้าของกิจการใดใส่ความเค็มกับผู้บริโภค ควรมีส่วนร่วมในการชดใช้ค่าเสียหายที่จะเกิดขึ้นให้กับประเทศด้วย

รศ.ภญ.ดร.ณัฏฐดา อารีเปี่ยม และ รศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ

คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

โรคผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่ว รักษาหายได้ด้วยเทคนิคสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัด

SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/804193

โรคผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่ว รักษาหายได้ด้วยเทคนิคสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัด

โรคผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่ว รักษาหายได้ด้วยเทคนิคสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัด

วันจันทร์ ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567, 07.15 น.

โรคผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่ว เป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ที่มักจะพบในเด็ก หรือวัยรุ่น แต่ในบางครั้งก็เพิ่งมาตรวจพบและวินิจฉัยได้ในช่วงที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว

นายแพทย์ศุภสิทธิ์ สถิตย์ตระกูล อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือดโรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า โรคผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่ว (Atrial Septal Defect: ASD) คือโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดที่เกิดจากความผิดปกติของพัฒนาการหัวใจตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ส่งผลให้ผนังกั้นหัวใจห้องบนไม่สมบูรณ์ มีรูรั่ว ทำให้เลือดแดงไหลจากหัวใจห้องบนซ้ายไปห้องบนขวา และผ่านไปปอดเพิ่มขึ้นส่งผลให้หัวใจโตผิดปกติ หากปล่อยทิ้งไว้นานโดยไม่ได้รักษา จะทำให้แรงดันในปอดสูง จนเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวในท้ายที่สุด

อาการของโรคผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่ว ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง และขนาดของรูรั่ว โดยทั่วไปในเด็กที่มีรูรั่วขนาดใหญ่มักจะแสดงอาการให้เห็นตั้งแต่อายุยังไม่มาก อาทิ หายใจเร็วเหนื่อยง่าย กินนมได้น้อย น้ำหนักตัวขึ้นช้า เหงื่อออกง่ายปอดติดเชื้อบ่อยๆ ตัวเขียว ในทางกลับกัน คนไข้ที่มีรูรั่วขนาดเล็กอาจจะไม่แสดงอาการอะไรให้เห็นเลยในช่วงวัยเด็กถึงวัยรุ่น แต่พอเข้าสู่วัยผู้ใหญ่จึงเริ่มแสดงอาการ อาทิ รู้สึกเหนื่อยง่ายหายใจไม่อิ่ม โดยเฉพาะเวลาออกแรง ใจสั่น ออกกำลังกายได้ลดลงกว่าเดิม หน้ามืดเป็นลม เป็นต้น แต่ในคนไข้บางรายอาจจะตรวจพบจากการไปตรวจสุขภาพประจำปี โดยที่ยังไม่ได้มีอาการให้เห็น

การวินิจฉัยโรคผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่ว มักเริ่มจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย ฟังเสียงหัวใจ การตรวจทางห้องปฏิบัติการประกอบด้วย  การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เอกซเรย์ปอด และการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจความถี่สูง (Echocardiogram) ที่จะทำให้เห็นโครงสร้างภายในหัวใจอย่างละเอียด ผนังกั้นหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจ ลิ้นหัวใจ หากพบรูรั่วก็สามารถประเมินขนาดของรูรั่ว ตำแหน่ง ทิศทางการไหลเวียนของเลือด แรงดันในปอด เพื่อนำไปสู่การวางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

การรักษาโรคผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่วแต่กำเนิด สามารถรักษาได้ ด้วยวิธีการต่างๆ ขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของรูรั่ว และอายุ และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย ได้แก่ ผู้ป่วยเด็กที่มีรูรั่วขนาดเล็กมาก ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ไม่มีอาการหรือ.ส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวัน อาจจะยังไม่จำเป็นต้องทำการปิดรูรั่ว แต่ต้องได้รับการติดตามต่อเนื่อง

การรับประทานยา มักใช้เพื่อควบคุมอาการหัวใจล้มเหลวหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ แต่การรับประทานยาไม่สามารถที่จะทำให้รูรั่วนั้นปิดเองได้

การผ่าตัด เป็นวิธีรักษาแบบดั้งเดิม ซึ่งจะพิจารณาในรายที่มีรูรั่วขนาดใหญ่, มีหลายรู หรือตำแหน่งของรูรั่วไม่สามารถรักษาด้วยเทคนิคการปิดรูรั่วผ่านสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัดได้

การรักษาด้วย เทคนิคปิดผนังกั้นหัวใจห้องบนรั่วผ่านทางสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัด (Transcatheter ASD Closure) เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษา โดยจะทำในรายที่มีลักษณะรูรั่วที่เหมาะสม ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณา โดยนำอุปกรณ์ที่เป็นโลหะ เข้าไปปิดรูรั่วระหว่างผนังกั้นห้องหัวใจผ่านทางสายสวนหัวใจโดยนำเข้าทางหลอดเลือดดำที่ขาหนีบ เมื่อถึงบริเวณรูรั่วอุปกรณ์จะถูกปล่อยไปวางยังตำแหน่งรูรั่วเพื่อปิดรูที่รั่วนั้น หลังจากนั้นร่างกายจะค่อยๆ สร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาคลุมภายใน 3-6 เดือน ใช้เวลาในการทำหัตถการประมาณ 1-2 ชั่วโมง โดยวิธีการรักษาดังกล่าว จะช่วยลดความเสี่ยงเมื่อเทียบกับการผ่าตัดใหญ่ ลดความเจ็บปวด และผลแทรกซ้อนจากการผ่าตัด ช่วยให้แผลมีขนาดเล็กและฟื้นตัวเร็วกว่า

การปฏิบัติตัวหลังทำการรักษาผ่านทางสายสวนเมื่อกลับไปอยู่บ้าน มีดังนี้ 1.รับประทานยาต้านเกล็ดเลือดให้ครบและต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีความจำเป็นต้องหยุดยาควรติดต่อแพทย์ผู้ทำการรักษาก่อนทุกครั้ง 2.ในระยะ 1-2 วันแรกไม่ควรเดินบ่อย และไม่ควรให้แผลถูกน้ำ ให้สังเกตบริเวณแผลหากพบอาการผิดปกติ เช่น แผลบวมแดง มีก้อนใต้ผิวหนังและกดเจ็บ มีหนองหรือน้ำเหลืองออกจากแผล มีไข้ควรรีบมาพบแพทย์ทันที 3.แพทย์จะนัดผู้ป่วยเพื่อติดตามผลการรักษาเป็นระยะๆ ที่ 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปีควรมาตรวจให้ตรงตามเวลาที่แพทย์นัดหมายอย่างต่อเนื่อง 4.ควรดูแลสุขภาพในช่องปากและฟันเพื่อป้องกันฟันผุ หากฟันผุควรรีบปรึกษาทันตแพทย์ก่อนทำการรักษา โดยต้องรับประทานยาปฏิชีวนะตามดุลยพินิจของแพทย์เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน รวมไปถึงการติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจและผนังหัวใจ 5.งดยกของหนักประมาณ 1 เดือน งดออกกำลังกายหนักๆในช่วงระยะ 3 เดือนแรก 6.ผู้ป่วยที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้หลังปิดรูรั่วหัวใจประมาณ 1-2 สัปดาห์ หรือปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาเพื่อความปลอดภัย

คุณแหน : 13 พฤษภาคม 2567

SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/804207

วันจันทร์ ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567, 06.00 น.

●● สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระเมตตาพระราชทานพระราชวโรกาสให้ สุรวัฒน์ ชมภูพงษ์ เข้าเฝ้าทูลเกล้าฯถวายเงินค่าตอบแทนจากการเป็นวิทยากร ให้กับส่วนราชการต่างๆ ประจำปี 2566 (เป็นปีที่ 30)โดยเสด็จพระราชกุศลสมทบกองทุนเพื่อนักเรียนที่ขาดแคลน ณ ศาลาดุสิดาลัยพระราชวังสวนจิตรลดา เมื่อ 3 พ.ค. 2567…

●● ด้วยภารกิจมากมายทำให้ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ไม่ได้ไปพักผ่อนที่บ้านสันทราย เชียงใหม่ นานเป็นปี.. พอไปอีกทีเฟอร์นิเจอร์เครื่องประดับทั้งบ้านหายหมดเกลี้ยงด้วยฝีมือแม่บ้านและสามีนำไปขาย..แต่ฝีมือ “อากู๋นายใหญ่แห่งแกรมมี่” สามารถติดตามคืนได้หมด…

●● หนังสือพิมพ์แนวหน้าจัดแนวหน้า Talk ครั้งที่ 1 โดย แนวหน้าออนไลน์ “เมืองไทยวันนี้….มีอะไร” นำโดย Special Guest ชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรวันเสาร์ 22 มิ.ย. 13.00-16.00 น. ที่ห้องบอลรูม รร.อัศวิน คอนเวนชั่น หลักสี่ พร้อมด้วยนักพูดฝีปากกล้า “อ.ปู” จิตกร บุษบา, “อ.กบ” กฤษณพงศ์ เกียรติศักดิ์, “ปอง” อัญชะลี ไพรีรัก โดยมี บุญยอดสุขถิ่นไทย และ นฤมล พุกยม เป็นพิธีกร…. เปิดเบื้องหลัง แอนิเมชั่น 2475 โดย “ดี้” นิติพงษ์ ห่อนาค และ “ซัง” วิวัธน์ จิโรจน์กุล.. บัตรใบละ 1,000 บาท ซื้อบัตรที่แนวหน้าออนไลน์ โทร.096-1800473 หากติดต่อไม่ได้จะซื้อผ่าน “คุณแหน” โทร. 02-5212690-1 ก็ได้…

●● คณะข้าราชบริพารและผู้เคยถวายงานในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ นำโดย ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.สุพัฒน์ วาณิชย์การ, พล.ต.ต.ชูเกียรติ ประทีปะเสน, พิกุลแก้ว ไกรฤกษ์, วัลลภ อธิคมประภา, พิริยาภรณ์ ธรรมมารักษ์, รศ.พญ.เยาวลักษณ์ ชาญศิลป์, ณัชชัย ถาวรธวัช, ผศ. (พิเศษ) ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์ และภัทธิรา หาญสกุล ไปร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสครบ 101 ปี วันคล้ายวันประสูติ ณ รพ.สงฆ์ จัดโดย มูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย…

●● อุรภา สุทธิพงษ์ชัย วันเกิดปีนี้ได้ไปทำบุญที่วัดสระเกศฯ แล้วจะไปไหว้พระต่อที่อยุธยา…

●● สวด ประจวบ ณ ระนอง มารดา อัครรัตน์ ณ ระนอง 11-13 พ.ค. 18.30 น. ศาลา 28 วัดธาตุทอง.. ฌาปนกิจ 14 พ.ค. 17.00 น.เมรุหลัง…

●● สวด พล.ท.นพ.พีระพล ปกป้อง ศาลา 2 วัดมกุฏ 13-19 พ.ค.18.30 น. พระราชทานเพลิง 20 พ.ค. 14.00 น. …

●● รร.ใบหยกสกาย ขอขอบคุณ FC ใบหยกบุฟเฟต์ทุเรียนฟีเว่อร์ 2024 ที่ให้การสนับสนุนและตอบรับอย่างดีโดยจองเต็มแล้วทุกรอบ 13,000 ที่นั่ง…

●● วัดพระธาตุจอมกิตติ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เชิญร่วมทำบุญสรงน้ำพระธาตุประจำปี 19 พ.ค. 19.30 น. ร่วมทำบุญผ่าน ผาณิต พูนศิริวงศ์ โทร.02-5212690…●●

คุณแหน

FENDI คอลเลคชั่น SUMMER 2024 มาพร้อมเสน่ห์ของ Dolce Vita

SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/804209

FENDI คอลเลคชั่น SUMMER 2024 มาพร้อมเสน่ห์ของ Dolce Vita

FENDI คอลเลคชั่น SUMMER 2024 มาพร้อมเสน่ห์ของ Dolce Vita

วันจันทร์ ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567, 06.00 น.

FENDI เผยโฉมคอลเลคชั่น SUMMER 2024 สะท้อนถึงโชว์ของคอลเลคชั่น Spring/Summer 2024 โดย Kim Jones ผ่านการรังสรรค์พาเลทสีอันสดใสของสีฟ้าอ่อน สีแดงสด สีเหลืองสดใส และตัดด้วยสีธรรมชาติพร้อมทั้งสีสันสดใส ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาของฤดูร้อนและเสริมความหรูหราบนชิ้นงานที่สามารถใช้งานได้จริง คอลเลคชั่นนี้มาพร้อมเสน่ห์ของ Dolce Vita ซึ่งเป็นการเน้นย้ำอีกครั้งถึงแนวคิดเสรีภาพของชาวโรมัน ตัดกับฉากหลังอันสนุกสนานของทั้งเมืองและชายฝั่ง

เฉดสีพาสเทลอันละเอียดอ่อนของสีเบจและสีน้ำตาล สีฟ้าอ่อนและสีน้ำเงินกรมท่า ผสมผสานกับเฉดสีอันสดใส อีกทั้ง สีส้มแซลมอนและสีเหลืองทอง ถูกนำมาใช้ในตลอดทั้งคอลเลคชั่นเพื่อให้ความรู้สึกถึงความสบาย ความผ่อนคลาย และซิลูเอทของความเป็นสปอร์ต ซึ่งรังสรรค์ด้วยผ้าไหมโปร่งแสง นอกจากนี้ การตัดเย็บอันประณีตรวมถึงผ้าถักปักเลื่อม

แนวคิดความเป็นคู่ของขั้วตรงข้าม (duality) ได้สอดแทรกอยู่ในตลอดทั้งคอลเลคชั่น ตั้งแต่ถนนในเมืองไปจนถึงชายทะเล จากความเป็นจริงสู่ความสนุกสนาน ความเงียบงันไปจนถึงความมีชีวิตชีวา ทั้งหมดนี้คือบทสรุปของการชุบชีวิตลาย Pequin อันเป็นเอกลักษณ์ เป็นแพทเทิร์น “logo no logo” แนวตั้ง ในสีดำและสีน้ำตาล tobacco ได้ถูกออกแบบครั้งแรกโดย Karl Lagerfeld ในปี ค.ศ. 1983

การแสดงออกถึงความหรูหราที่ซ่อนอยู่อย่างแท้จริง ซึ่งได้รับการตีความใหม่ด้วยโทนสีสองสีของเฉดสีที่สดใสและเฉดสีธรรมชาติโทนอ่อน ประกอบไปด้วย สีเหลืองสีฟ้าอ่อน สีเบจและสีน้ำเงินเข้มตั้งแต่เสื้อตัวนอกไปจนถึงเสื้อผ้าสำหรับใส่บนชายหาด โดยลาย Pequin ได้ถูกนำไปใช้กับเสื้อผ้า ready-to-wear สำหรับผู้หญิงพร้อมด้วยลูกเล่นแบบร่วมสมัยดังที่ได้เห็นบนเสื้อแจ๊กเกตที่สามารถใส่ได้ในทุกวัน เสื้อผ้าแยกชิ้นที่ทำจากผ้าไหมทวิล ชุดเดรสและกางเกงจากผ้าทูลลิ่งโปร่ง เช่นเดียวกับการปักเลื่อมอันระยิบระยับลงบนผ้าริบ (rib) ความรู้สึกเดียวกันนี้ได้ถูกสะท้อนให้เห็นในคอลเลคชั่นเสื้อผ้าบุรุษ โดยลาย Pequin ได้ปรากฏอยู่บนวัสดุที่เหมาะสมสำหรับฤดูร้อน ตั้งแต่ฟองน้ำไปจนถึงผ้าคอตตอนและโครเชต์วางจำหน่ายแล้วที่บูติก FENDIทั่วโลกและบน fendi.com

‘มาดามแป้ง’ร่วมผลักดัน Soft Power โชว์ 211 ประเทศ รับฟีฟ่า คองเกรส ครั้งที่ 74

SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/804208

‘มาดามแป้ง’ร่วมผลักดัน Soft Power โชว์ 211 ประเทศ รับฟีฟ่า คองเกรส ครั้งที่ 74

‘มาดามแป้ง’ร่วมผลักดัน Soft Power โชว์ 211 ประเทศ รับฟีฟ่า คองเกรส ครั้งที่ 74

วันจันทร์ ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567, 06.00 น.

รัฐบาลไทย ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์, สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB และสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ร่วมแถลงข่าวความพร้อมการจัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปีสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ “FIFA Congress ครั้งที่ 74” ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า “รัฐบาลไทย ให้ความสำคัญกับการเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีสมาชิกของฟีฟ่า เดินทางมาถึง 211 ประเทศ และจะมีการถ่ายทอดกิจกรรมการประชุมไปทั่วโลก นับเป็นโอกาสอันดีของประเทศไทยในการประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรม ซึ่งตรงกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์ของการประชุมสัมมนา สร้างรายได้ให้กับคนในประเทศ อีกทั้งยังเป็นการเน้นย้ำนโยบาย Soft Power ของไทยอีกด้วย”

นางนวลพรรณ ล่ำซำ กล่าวว่า “เป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทยเพราะเป็นชาติแรกในอาเซียนและชาติที่ 5 ในเอเชียที่ได้จัดงานใหญ่ และในวันนี้ฟุตบอลไม่ได้จำกัดแค่เรื่องของกีฬาแต่ยังได้เชื่อมต่อไปยังมิติอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นมิติด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม ความร่วมมือกันระหว่างประเทศ และเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศไทยจะได้โชว์ศักยภาพ”

ขณะที่ นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB ) กล่าวว่า “Mega Events ครั้งนี้สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศและก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยเชื่อว่าจะสร้างรายได้ให้กับประเทศกว่า 228 ล้านบาท เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในประเทศถึง 126 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานกว่า 160 อัตรา”

สำหรับการประชุม ฟีฟ่า คองเกรส ครั้งที่ 74 เต็มไปด้วยผู้นำทางด้านฟุตบอลจากทั่วโลก นำโดย จานนี อินฟานติโน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า พร้อมด้วย ประธานสหพันธ์ฟุตบอลจาก 6 ทวีป, ตัวแทนจาก 211 สมาคมสมาชิก และตำนานนักฟุตบอลชื่อดังระดับโลก โดยมีวาระสำคัญที่จะเกิดขึ้นในงานครั้งแรกในไทย คือ การโหวตเลือกเจ้าภาพ ฟุตบอลหญิง ชิงแชมป์โลก ในปี 2027

การจัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปีสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ “FIFA Congress ครั้งที่ 74” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-17 พฤษภาคม นี้ โดยประเทศไทยถูกรับเลือกให้จัดงาน ฟีฟ่า คองเกรส ในฐานะประเทศแรกของอาเซียน และ ประเทศที่ 5 ในเอเชีย ต่อจาก ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ กาตาร์ และ ออสเตรเลีย